มหาเศรษฐีอินเดีย Gautam Adani

เปิดประวัติ Gautam Adani จากมหาเศรษฐี สู่คดีทุจริตครั้งใหญ่

Gautam Adani มหาเศรษฐีอินเดีย ถูกอัยการสหรัฐฯ ตั้งข้อหามีส่วนเกี่ยวข้องในคดีติดสินบนมูลค่า 265 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 9,100 ล้านบาท) ทำให้กลุ่มบริษัท Adani Group เผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่ ส่งผลให้ราคาหุ้นดิ่งลงอย่างรุนแรง

เอกสารของศาลระบุว่า อัยการได้ออกหมายจับ Gautam Adani และหลานชาย Sagar Adani พร้อมวางแผนส่งมอบหมายจับให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในต่างประเทศ

Adani ได้กลายเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีไม่กี่คนที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาทางอาญาในสหรัฐฯ

Gautam Adani คือใคร?

Gautam Adani เป็นมหาเศรษฐีและนักธุรกิจชาวอินเดียที่ก่อตั้ง Adani Group ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทชั้นนำของอินเดียที่มีธุรกิจครอบคลุมหลายด้าน เช่น ท่าเรือ การขนส่ง พลังงาน การเกษตร โลจิสติกส์ และโครงสร้างพื้นฐาน

Adani ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่ทรงอิทธิพลและร่ำรวยที่สุดในอินเดีย โดยเขาเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับ 2 ทั้งในอินเดียและเอเชีย

Adani เกิดในครอบครัวพ่อค้าสิ่งทอขนาดเล็กในปี 1962 ที่รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดีย โดยเขาเป็นลูกคนที่ 7 จากทั้งหมด 8 คน

ลาออกจากโรงเรียนตั้งแต่อายุ 16 และเริ่มอาชีพด้วยการคัดเพชรให้กับบริษัทแห่งหนึ่งในมุมไบ และสามารถทำรายได้ 1 ล้านรูปีได้สำเร็จในช่วงแรกของชีวิต

เริ่มขยายอาณาจักร

ในช่วงปี 1980 เขากลับมาที่รัฐคุชราตเพื่อช่วยธุรกิจพลาสติกของพี่ชาย และค่อย ๆ ขยายไปสู่การนำเข้าสินค้าโลหะ วัสดุเกษตร และสิ่งทอ

ต่อมาในกลางทศวรรษที่ 1990 เขาได้บริหารและพัฒนาท่าเรือ Mundra ซึ่งเป็นท่าเรือสำคัญในรัฐคุชราต อีกทั้งยังเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างกลุ่มบริษัท Adani Group ให้กลายเป็นผู้ประกอบการท่าเรือเอกชนรายใหญ่ที่สุดในอินเดีย

จากนั้นอาณาจักรของเขาก็ขยายเข้าสู่ธุรกิจพลังงานด้วยการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน การนำเข้าถ่านหินจากต่างประเทศ และการเปิดเหมืองถ่านหินในอินเดีย ทำให้เขากลายเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าถ่านหินรายใหญ่ที่สุดในภาคเอกชนของอินเดีย

นอกจากนั้นยังครอบคลุมธุรกิจพลังงานหมุนเวียน การบิน สนามบิน ปูนซีเมนต์ โลจิสติกส์ และโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่ง Adani ก็ไม่ได้หยุดการเติบโตอยู่เพียงแค่ในอินเดีย แต่มุ่งขยายสู่ระดับโลกด้วยการลงทุนในท่าเรือและสายส่งไฟฟ้าทั่วเอเชีย ตะวันออกกลาง รวมถึงแอฟริกา

บริษัทของ Adani มีอะไรบ้าง? 

Adani Group ครอบคลุมธุรกิจหลากหลาย ตั้งแต่พลังงาน การขนส่ง ไปจนถึงโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก แต่ละบริษัทในเครือสะท้อนถึงความทะเยอทะยานและบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของอินเดียและเวทีโลก

โดยบริษัทหลัก ๆ ใน Adani Group ประกอบไปด้วย

• Adani Green Energy Ltd. (ผลิตพลังงานหมุนเวียน)
• Adani Energy Solutions Ltd. (ส่งกระแสไฟฟ้า)
• Adani Ports & Special Economic Zone Ltd. (โลจิสติกส์)
• Adani Total Gas Ltd. (จัดจำหน่ายก๊าซ)
• Adani Power Ltd. (ผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน)
• Adani Enterprises (เหมืองแร่ ถนน สนามบิน และโปรเจกต์พลังงานใหม่)

นอกจากนี้ Adani Group ยังดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ Data Center รวมถึงธุรกิจน้ำมันพืชและอาหารผ่านกิจการร่วมค้า (Joint Venture) กับ Wilmar International Ltd. จากสิงคโปร์ ในชื่อ Adani Wilmar

สู่ยุครุ่งโรจน์ของ Adani Group

Adani Group กลายเป็นองค์กรขนาดใหญ่ในอินเดีย ที่มีทั้งท่าเรือ สนามบิน สายส่งไฟฟ้า และโปรเจกต์ทางหลวง

โดยก่อนที่จะมีข้อกล่าวหาในสหรัฐฯ Market Cap ของ 10 หน่วยธุรกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ 169,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5,800 ล้านล้านบาท)

ซึ่งได้ครอบครองโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมากที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของประเทศ และรองรับการขยายตัวในเอเชียของบริษัทต่าง ๆ เช่น Apple และ Amazon

อีกทั้งยังเป็นผู้นำเข้าถ่านหินรายใหญ่ที่สุดของอินเดีย เป็นเจ้าของฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ

ท่าเรือของ Adani ขนส่งตู้คอนเทนเนอร์เกือบครึ่งหนึ่งของอินเดีย ขณะที่มีผู้โดยสารใช้บริการสนามบินของเขากว่า 90 ล้านคนต่อปี

นอกจากนี้ บริษัท Adani Ports & Special Economic Zone Ltd. ซึ่งเป็นผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์ที่มี Market Cap สูงที่สุดในโลก ยังมีแผนจะเข้าซื้อท่าเรือเพิ่มเติม โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อเปลี่ยนอินเดียให้เป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญ

ความสัมพันธ์ทางการเมือง

ความสำเร็จของ Adani ไม่ได้เกิดจากวิสัยทัศน์ทางธุรกิจเพียงเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์ทางการเมืองที่แน่นแฟ้น โดยเฉพาะกับนายกรัฐมนตรีอินเดีย Narendra Modi ซึ่งทั้งคู่มาจากรัฐคุชราต และ Adani มักสนับสนุนโครงการของรัฐบาลที่มุ่งพัฒนาประเทศ เช่น โครงการสร้างถนน สายไฟฟ้า และพลังงาน

ความสัมพันธ์ระหว่าง Adani กับ Modi เริ่มต้นขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 2000 ในขณะที่ Modi ดำรงตำแหน่งมุขมนตรีรัฐคุชราต โดย Modi ได้สร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเองเป็นผู้นำที่สนับสนุนเศรษฐกิจเชิงธุรกิจ ซึ่ง Adani ก็ได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนด้านนโยบายและสัมปทานต่าง ๆ ทำให้อาณาจักรของเขาเติบโตอย่างรวดเร็ว

เมื่อ Modi ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีในปี 2014 เขาเดินทางกลับกรุงนิวเดลีด้วยเครื่องบินส่วนตัวของ Adani และบ่อยครั้งที่ Adani ก็ร่วมเดินทางกับ Modi ในทริปต่างประเทศ ซึ่งมักนำมาสู่การทำข้อตกลงทางธุรกิจที่สำคัญในประเทศที่ไปเยือน

ด้วยเหตุนี้ทำให้อาณาจักรของ Adani ขยายตัวครอบคลุมทั่วทั้งอินเดีย ไม่ว่าจะเป็นพลังงาน ถ่านหิน ท่าเรือ สนามบิน ซีเมนต์ น้ำมันพืช ข้าว แหล่งเก็บข้อมูล หรือแม้กระทั่งสถานีโทรทัศน์

อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์นี้ทำให้เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายค้านและนักสิทธิมนุษยชนในอินเดีย โดยกล่าวหาว่า Adani ได้รับโอกาสทางธุรกิจอย่างไม่เป็นธรรม และกลุ่มบริษัทของเขาถูกมองว่าพึ่งพาความใกล้ชิดกับรัฐบาลมากเกินไป

เผชิญข้อกล่าวหา

ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการปั่นหุ้นและการทุจริตทางการเงิน

อาณาจักรของ Adani เผชิญข้อกล่าวหาครั้งใหญ่ในต้นปี 2023 โดยบริษัท Hindenburg Research กล่าวหาว่า Adani Group มีพฤติกรรมปั่นหุ้น กู้ยืมเงินเกินตัว และใช้บัญชี Offshore เพื่อปกปิดหนี้สิน

รายงานนี้ส่งผลให้ Market Cap ของกลุ่มบริษัทลดลงอย่างมาก แม้ Adani จะปฏิเสธข้อกล่าวหาและระบุว่ารายงานนี้ “ไม่มีมูลความจริง” แต่นักวิจัยจาก The Guardian และเครือข่ายผู้สื่อข่าวที่รายงานเกี่ยวกับองค์กรอาชญากรรมและการทุจริต (OCCRP) ยังพบหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้กองทุนลับซื้อหุ้นของบริษัทเอง

ข้อกล่าวหาเรื่องการติดสินบน

ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน 2024 อัยการในนิวยอร์กตั้งข้อหา Gautam Adani และทีมผู้บริหารของเขาว่าได้จ่ายสินบนกว่า 265 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 9,100 ล้านบาท) ให้กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดีย เพื่อชนะประมูลโปรเจกต์พลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่

นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวหาว่าบริษัทให้ข้อมูลเท็จแก่นักลงทุนต่างชาติเพื่อระดมทุน ทำให้หุ้นของ Adani Group ร่วงลงอย่างรุนแรง และบริษัทต้องยกเลิกแผนออกหุ้นกู้มูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ

บริบททางการเมือง

การเติบโตอย่างรวดเร็วของ Adani Group ก่อให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับ “ทุนนิยมพวกพ้อง” เนื่องจากบริษัทได้รับประโยชน์จากความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี Narendra Modi ทางด้านฝ่ายค้านและนักวิจารณ์จึงเรียกร้องให้ตรวจสอบความโปร่งใสของบริษัท

ข้อกล่าวหาเหล่านี้ไม่เพียงทำให้มูลค่าหุ้นของ Adani Group ลดลงอย่างมาก แต่ยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม Adani ยังคงยืนหยัดปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมระบุว่าข้อกล่าวหานั้น “ไม่มีมูลความจริง” และจะต่อสู้จนถึงที่สุดในชั้นศาล

สรุป

กรณีของ Gautam Adani เป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตทางธุรกิจ ที่ต้องมาพร้อมกับความโปร่งใส และการรักษาชื่อเสียงในทุกย่างก้าว แม้ความสัมพันธ์กับภาครัฐและการขยายตัวอย่างรวดเร็วอาจนำมาซึ่งโอกาสทางธุรกิจ แต่ก็อาจทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์หากไม่ระมัดระวังในเรื่องความเป็นธรรมและผลประโยชน์ทับซ้อน

นอกจากนี้ ความสามารถในการรับมือกับวิกฤตและการรักษาความมั่นคงในกระบวนการยุติธรรมยังเป็นปัจจัยสำคัญในการปกป้องธุรกิจในช่วงเวลาที่ท้าทาย เหตุการณ์นี้ช่วยเตือนใจให้ธุรกิจใส่ใจในความโปร่งใส และสร้างความเชื่อมั่นที่ยั่งยืนให้กับนักลงทุนรวมถึงสาธารณชนทนายความ

อ้างอิง: Bloomberg, The Guardian, Australian Broadcasting Corporation, Adani Group, The Economic Times